ปฏิจจสมุปบาท
การเกิดขึ้นร่วมกันโดยอาศัยกันของธรรม ๑๒ ประการ
ความหมาย
ปฏิจจสมุปบาท มาจากคำบาลีว่า “ปฏิจฺจสมุปฺปาท” ซึ่งประกอบด้วยคำ ปฏิจฺจ แปลว่า อาศัย กับคำว่า สมุปฺปาท (แยกเป็น สำ ร่วม + อุปฺปาท เกิดขึ้น) แปลว่า การเกิดขึ้นร่วมกัน เมื่อรวมคำทั้งสอง จึงแปลได้ว่า “การเกิดขึ้นร่วมกันโดยอาศัยกัน”
การเกิดขึ้นร่วมกันโดยอาศัยกันนี้ คือการเกิดขึ้นร่วมกันโดยอาศัยกันของ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ — ธรรม ๑๒ ประการนี้ต่างเกิดขึ้นร่วมกันโดยอาศัยกันเกิดขึ้น มิใช่ต่างฝ่ายต่างเกิดด้วยตัวเองโดด ๆ
สูตรย่อของปฏิจจสมุปบาท
“เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี; เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น”
ลำดับเหตุ ๑๒ ประการ
อวิชชา → สังขาร
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี (ไม่รู้ว่ากิเลสเป็นเหตุทำให้เวียนว่ายตายเกิด)
สังขาร → วิญญาณ
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี (การเกิดใหม่ เนื่องจากกรรมที่เกิดจากกิเลส จึงทำให้ “ปฏิสนธิจิต + รูป ประกอบกันเป็นนามรูปใหม่”)
(เมื่อมีกระประกอบกันของนามและรูป จึงทำให้เกิดวิญญาณ “ถ้าเขาถามว่า วิญญาณมีอะไรเป็นปัจจัย เธอพึงตอบว่า มีนามรูปเป็นปัจจัย ปฏิจจสมุปปาทกถา” — วิญญาณหมายถึงสิ่งที่ติดต่อกันระหว่างอายตนะทั้ง 6 ของรูปกับนาม)
วิญญาณ → นามรูป
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
(เมื่อเกิดวิญญาณ จึงทำให้เกิดรูปและนาม “ถ้าเขาถามว่า นามรูปมีอะไรเป็นปัจจัย เธอพึงตอบว่า มีวิญญาณเป็นปัจจัย ปฏิจจสมุปปาทกถา”)
นามรูป → สฬายตนะ
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
(เมื่อเกิดนามรูป จึงมีสฬายตนะ — อายตนะทั้ง ๖ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ)
สฬายตนะ → ผัสสะ
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
(เมื่อเกิดสฬายตนะ จึงมีผัสสะ — การกระทบของสิ่งต่าง ๆ กับอายตนะทั้ง ๖)
ผัสสะ → เวทนา
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
(เมื่อเกิดผัสสะ จึงมีเวทนา — ความรู้สึก สุข ทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์)
เวทนา → ตัณหา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
(เมื่อเกิดเวทนา จึงมีตัณหา — ความอยาก ความกระหาย ความดิ้นรนแสวงหา)
ตัณหา → อุปาทาน
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี
(เมื่อมีตัณหา จึงมีอุปาทาน — การยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่าง ๆ ว่าเป็นของเรา)
อุปาทาน → ภพ
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
ภพ → ชาติ
เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
(เมื่อมีอุปาทาน จึงมีชาติ — ชาติหมายถึงการเวียนว่ายตายเกิด)
ชาติ → ชรามรณะ
เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส ความคับแค้นใจจึงเกิดขึ้น พร้อมกองทุกข์ทั้งมวลจึงเกิดขึ้นประการฉะนี้
สรุป
ธรรมทั้งปวงเป็นไปตามเหตุปัจจัย — “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี; เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น” การเข้าใจลำดับเหตุของปฏิจจสมุปบาท ทำให้เห็นวงจรทุกข์และทางดับทุกข์ตามความเป็นจริง