พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 258
พราหมณ์สุนีธะและวัสสการะถวายภัตตาหาร
[๘๓] ครั้งนั้นแล พราหมณ์สุนีธะและวัสสการะ มหาอำมาตย์ของ
แคว้นมคธ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นชื่นชมกับพระผู้มีพระภาคเจ้า
กล่าวถ้อยคำน่าชื่นชมควรรำลึกถึงกันแล้ว จึงนั่งอยู่ ณ ด้านหนึ่ง พราหมณ์
สุนีธะและวัสสการะ มหาอำมาตย์ของแคว้นมคธ ผู้นั่งอยู่ ณ ด้านหนึ่งแล ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังนี้ว่า ขอพระโคดมผู้เจริญ พร้อมด้วยภิกษุ-
สงฆ์ โปรดรับภัตตาหาร สำหรับวันนี้เถิด พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงรับด้วยดุษณีภาพ พราหมณ์สุนีธะและวัสสการะมหาอำมาตย์ของแคว้นมคธ
ครั้นทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับแล้ว จึงเข้าไปยังเรือนรับรองของตน
แล้วสั่งให้ตกแต่งของควรเคี้ยวของควรบริโภคอย่างประณีตไว้ในเรือนรับรอง
ของตน แล้วให้กราบทูลกาลเวลาแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดม
ผู้เจริญ ได้เวลาแล้ว ภัตตาหารเสร็จแล้ว.
ครั้งนั้นแล ในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงนุ่งสบง ทรงถือ
บาตรและจีวร พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ เสด็จดำเนินเข้าไปเรือนรับรองของ
พราหมณ์สุนีธะแสะวัสสการะ มหาอำมาตย์ของแคว้นมคธแล้วประทับนั่งบน
อาสนะที่เขาปูไว้ ครั้งนั้นแล พราหมณ์สุนีธะและวัสสการะ มหาอำมาตย์ของ
แคว้นมคธอังคาส เลี้ยงดูภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขด้วยของควรเคี้ยว
ควรบริโภคอย่างประณีตด้วยมือของตน ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยเสร็จ
ทรงวางพระหัตถ์ลงจากบาตร พราหมณ์สุนีธะและวัสสการะมหาอำมาตย์ของ
แคว้นมคธ ถือเอาอาสนะต่ำที่ใดที่หนึ่งแล้วนั่งอยู่ ณ ด้านหนึ่ง พระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงอนุโมทนากะพราหมณ์สุนีธะและวัสสการะ มหาอำมาตย์ของ
แคว้นมคธผู้นั่งอยู่ ณ ด้านหนึ่ง ด้วยพระคาถาเหล่านี้ ว่า
[๘๔] บุรุษผู้มีเชื้อชาติบัณฑิต เข้าไปอยู่ใน
ประเทศใด พึงเชิญท่านพรหมจารี
ทั้งหลายผู้มีศีล ผู้สำรวมให้บริโภคใน
ประเทศนั้น แล้วอุทิศทักษิณาให้แก่
เทวดาทั้งหลาย ซึ่งมีอยู่ในประเทศนั้น
เทวดาทั้งหลายเหล่านั้น อันบุรุษนั้นบูชา
แล้ว ย่อมบูชาตอบ นับถือแล้ว ย่อม
นับถือตอบ ซึ่งบุรุษนั้น เพราะเหตุนั้น
เทวดาทั้งหลายจะอนุเคราะห์บุรุษเชื้อชาติ
บัณฑิตนั้น เหมือนมารดาอนุเคราะห์บุตร
ของตน บุรุษผู้ซึ่งเทวดาอนุเคราะห์แล้ว
จะประสบแต่สิ่งเจริญทั้งหลายในกาล
ทุกเมื่อ . __
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 372
บทว่า สีลวนฺเตตฺถ ตัดเป็น สีลวนฺเต เอตฺถ. บทว่า สญฺญเต
ได้แก่ ผู้สำรวมด้วยกายวาจาใจ. บทว่า ตาสํ ทกฺขิณมาทิเส ความว่า พึง
อุทิศปัจจัยสี่ที่ถวายสงฆ์คือพึงให้ส่วนบุญแก่เทวดาประจำเรือนเหล่านั้น. บทว่า
ปูชิตา ปูชยนฺติ ความว่า เทวดาย่อมอารักขาด้วยดี ด้วยสั่งว่าผู้คนเหล่านี้
แม้ไม่ใช่ญาติของเรา ก็ยังให้ส่วนบุญแก่พวกเราถึงอย่างนี้ เพราะฉะนั้น พวก
ท่านจงจัดการอารักขาด้วยดี. บทว่า มานิตา มานยนฺติ ความว่า เทวดา
ทั้งหลายที่เหล่าผู้คนนับถือด้วยการทำพลีกรรมตามกาลสมควร จึงนับถือ คือ
กำจัดอันตรายที่เกิดขึ้น ด้วยเห็นว่าผู้คนเหล่านี้ แม้ไม่ใช่ญาติของพวกเราก็ยัง
ทำพลีกรรมแก่พวกเราในช่วงสี่เดือนหกเดือน. บทว่า ตโต นํ ได้แก่ แต่นั้น
เทวดาก็ย่อมอนุเคราะห์คนผู้บัณฑิตนั้น. บทว่า โอรสํ ได้แก่ วางไว้ที่อกให้
เจริญเติบโต. อธิบายว่า ย่อมอนุเคราะห์เหมือนมารดาอนุเคราะห์บุตรผู้เกิด
แต่อก พยายามกำจัดอันตรายที่เกิดขึ้นฉะนั้น. บทว่า ภนฺรานิ ปสฺสติ
แปลว่า เห็นสิ่งที่ดี.