พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 218
ปัญหาเรื่องเทวดา
[๕๘๐] ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสภาพอัน
เป็นเหตุ และตรัสสภาพอันเป็นผลพร้อมกับเหตุ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็
เทวดามีจริงหรือ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนมหาบพิตร ก็เพราะเหตุอะไรมหาบพิตรจึงตรัสถามอย่างนี้
ว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เทวดามีจริงหรือ.
ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเทวดามีจริง เทวดาเหล่านั้นมาสู่โลกนี้
หรือไม่มาสู่โลกนี้ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนมหาบพิตร เทวดาเหล่าใดมีทุกข์ เทวดาเหล่านั้น มาสู่
โลกนี้ เทวดาเหล่าใดไม่มีทุกข์ เทวดาเหล่านั้นไม่มาสู่โลกนี้ ขอถวายพระพร.
วิฑูฑภะทูลถาม
[๕๘๑] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว วิฑูฑภเสนาบดี ได้
กราบทูลพระผู้มีภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เทดาเหล่าใดมีทุกข์ มาสู่
โลกนี้ เทวดาเหล่านั้นจักยังเทวดาทั้งหลายผู้ไม่มีทุกข์ ไม่มาสู่โลกนี้ ให้จุติ หรือ
จักขับไล่เสียจากที่นั้น.
ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้มีความดำริว่า วิฑูฑภเสนาบดีนี้ เป็น
พระราชโอรสของพระเจ้าปเสนทิโกศล เราเป็นโอรสของพระผู้มีพระภาคเจ้า
บัดนี้เป็นกาลอันสมควรที่โอรสจะพึงสนทนากัน. ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์
จึงกล่าวกะวิฑูฑภเสนาบดีว่า ดูก่อแสนาบดี ถ้าเช่นนั้น ในข้อนี้ อาตมาจะขอ
ย้อนถามท่านก่อน ปัญหาใดพึงพอใจแก่ท่านฉันใด ท่านพึงพยากรณ์ปัญหานั้น
ฉันนั้น ดูก่อนเสนาบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน พระราชอาณาจักร
ของพระเจ้าปเสนทิโกศลมีประมาณเท่าใด และในพระราชอาณาจักรใด พระเจ้า
ปเสนทิโกศลเสวยราชสมบัติเป็นอิศราธิบดี ในพระราชอาณาจักรนั้น ท้าวเธอ
ย่อมทรงสามารถยังสมณะหรือพราหมณ์ ผู้มีบุญหรือผู้ไม่มีบุญ ผู้มีพรหมจรรย์
หรือผู้ไม่มีพรหมจรรย์ให้เคลื่อนหรือทรงขับใล่เสียจากที่นั้นได้มิใช่หรือ. วิฑูฑภ
เสนาบดีตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระราชอาณาจักรของพระเจ้าปเสนทิโกศล
มีประมาณเท่าใด และในพระราชาอาณาจักรใด พระเจ้าปเสนทิโกศลเสวย-
ราชสมบัติเป็นอิศราธิบดี ในพระราชอาณาจักรนั้นท้าวเธอย่อมทรงสามารถยัง
สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีบุญหรือผู้ไม่มีบุญ ผู้มีพรหมจรรย์หรือผู้ไม่มีพรหมจรรย์
ให้เคลื่อนหรือทรงขับไล่เสียจากที่นั้นได้.
อา. ดูก่อนเสนาบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ที่อันมิใช่
พระราชอาณาจักรของพระเจ้าปเสนทิโกศลมีประมาณเท่าใด และในที่ใด
พระเจ้าปเสนทิโกศลมิได้เสวยราชสมบัติเป็นอิศราธิบดี ในที่นั้น ท้าวเธอย่อม
ทรงสามารถยังสมณะหรือพราหมณ์ ผู้มีบุญหรือผู้ไม่มีบุญ ผู้มีพรหมจรรย์
หรือผู้ไม่มีพรหมจรรย์ให้เคลื่อนหรือทรงขับไล่เสียจากที่นั้นได้หรือ.
วิ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ในที่อันมิใช่พระราชอาณาจักรของพระเจ้า-
ปเสนทิโกศลมีประมาณเท่าใด และในที่ใด พระเจ้าปเสนทิโกศลมิได้เสวยราช
สมบัติเป็นอิศราธิบดี ในที่นั้น ท้าวเธอย่อมไม่ทรงสามารถจะยังสมณะหรือ
พราหมณ์ผู้มีบุญหรือผู้ไม่มีบุญ ผู้มีพรหมจรรย์หรือผู้ไม่มีพรหมจรรย์ ให้
เคลื่อนหรือทรงขับไล่จากที่นั้นได้.
อา. ดูก่อนเสนาบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เทวดาทั้ง
หลายชั้นดาวดึงส์ ท่านได้ฟังมาแล้วหรือ.
วิ. อย่างนั้น ท่านผู้เจริญ เทวดาทั้งหลายชั้นดาวดึงส์ ข้าพเจ้าได้
ฟังมาแล้ว แม้ในบัดนี้ เทวดาทั้งหลายชั้นดาวดึงส์ พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ได้
ทรงสดับมาแล้ว.
อา. ดูก่อนเสนาบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน พระเจ้า
ปเสนทิโกศลย่อมทรงสามารถจะยังเทวดาทั้งหลายชั้นดาวดึงส์ ให้เคลื่อนหรือ
จะทรงขับไล่เสียจากที่นั้นได้หรือ.
วิ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ แม้แต่จะทอดพระเนตรเทวดาทั้งหลายชั้น
ดาวดึงส์ พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ไม่ทรงสามารถ ที่ไหนเล่าจักทรงยังเทวดา
ทั้งหลายชั้นดาวดึงส์ให้เคลื่อนหรือจักทรงขับไล่เสียจากที่นั้นได้.
อา. ดูก่อนเสนาบดี ฉันนั้นเหมือนกันแล เทวดาเหล่าใดมีทุกข์
ยังมาสู่โลกนี้ เทวดาเหล่านั้น ก็ย่อมไม่สามารถแม้เพื่อจะเห็นเทวดาผู้ไม่มีทุกข์
ผู้ไม่มาสู่โลกนี้ได้ ที่ไหนเล่าจักให้จุติหรือจักขับไล่เสียจากที่นั้นได้.
ลำดับนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุรูปนี้ชื่ออะไร พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสตอบว่า ภิกษุรูปนี้ ชื่ออานนท์ ขอถวายพระพร.
[๕๘๒] ป. ชื่อของท่านน่ายินดีหนอ สภาพของท่านน่ายินดีจริงหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระอานนท์กล่าวสภาพอันเป็นเหตุ และกล่าวสภาพ
อันเป็นผลพร้อมด้วยเหตุ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พรหมมีจริงหรือ.
พ. ดูก่อนมหาบพิตร ก็เพราะเหตุไร มหาบพิตรจึงตรัสถามอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พรหมมีจริงหรือ.
ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพรหมมีจริง พรหมนั้นมาสู่โลกนี้
หรือไม่มาสู่โลกนี้ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนมหาบพิตร พรหมใดมีทุกข์ พรหมนั้นมาสู่โลกนี้ พรหม
ใดไม่มีทุกข์ พรหมนั้นก็ไม่มาสู่โลกนี้ ขอถวายพระพร.
ลำดับนั้นแล บุรุษคนหนึ่งได้กราบทูลพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ข้าแต่
มหาราช พราหมณ์สญชัยอากาสโคตรมาแล้ว พระเจ้าข้า. ครั้งนั้น พระเจ้า
ปเสนทิโกศลจึงตรัสถามพราหมณ์สญชัยอากาสโคตรว่า ดูก่อนพราหมณ์ ใคร-
หนอกล่าวเรื่องนี้ภายในพระนคร. พราหมณ์สญชัยอากาสโคตรกราบทูลว่า
ข้าแต่มหาราช วิฑูฑภเสนาบดี พระพุทธเจ้าข้า. วิฑูฑภเสนาบดีได้กราบทูล
อย่างนี้ว่า ข้าแต่มหาราช พราหมณ์สญชัยอากาสโคตร พระพุทธเจ้าข้า.
ลำดับนั้นแล บุรุษคนหนึ่งได้กราบทูลพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ข้าแต่มหาราช
บัดนี้ยานพาหนะพร้อมแล้ว พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงชื่นชมภาษิตของพระพุทธเจ้า
[๕๘๓] ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้กราบทูลพระผู้มี-
พระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงความเป็นสัพพัญญู พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงพยากรณ์ความเป็นสัพพัญญู
แล้ว และข้อที่ทรงพยากรณ์นั้นย่อมชอบใจและควรแก่หม่อมฉัน และหม่อมฉัน
มีใจชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้
ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงคนที่จัดเป็นวรรณะ ๔ จำพวกที่บริสุทธิ์ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าก็ทรงพยากรณ์คนที่จัดเป็นวรรณะ ๔ จำพวกที่บริสุทธิ์แล้ว และ
ข้อที่ทรงพยากรณ์นั้นย่อมชอบใจและควรแก่หม่อมฉัน และหม่อมฉันมีใจ
ชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงเทวดาที่ยิ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงพยากรณ์เทวดา
ที่ยิ่งแล้ว และข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ย่อมชอบใจและควรแก่หม่อมฉัน และ
หม่อมฉันมีใจชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉัน
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงพรหมที่ยิ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงพยากรณ์
พรหมที่ยิ่งแล้ว และข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ย่อมชอบใจและควรแก่หม่อมฉัน
และหม่อมฉันมีใจชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อนึ่ง
หม่อมฉัน ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงข้อใด ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรง
พยากรณ์ข้อนั้น ๆ แล้ว และข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ๆ ย่อมชอบใจและควรแก่
หม่อมฉัน และหม่อมฉันมีใจชื่นชมด้วยข้อที่ทรงพยากรณ์นั้น ๆ ข้าแต่พระองค์-
ผู้เจริญ หม่อมฉันขอทูลลาไป ณ บัดนี้ หม่อมฉันมีกิจมาก มีกรณียะมาก.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า มหาบพิตรจงทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด
ขอถวายพระพร.
ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงชื่นชมอนุโมทนาพระภาษิตของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงกระทำประทักษิณ แล้วเสด็จกลับไป ฉะนี้แล.